ตรีทวายทัวร์

ทวาย มะละแหม่ง พระธาตุอินแขวน หงสาวดี ย่างกุ้ง พะอัน แม่สอด 7 วัน 6 คืน

สัมผัสดินแดนแห่งมนต์เสน่ห์พม่าตอนใต้


Go Southern Myanmar ขอนำท่านบุกเบิกเส้นทางท่องเที่ยวแห่งใหม่ผ่านแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของพม่าตอนใต้สู่อดีตเมืองหลวงเก่าแห่งมหาเจดีย์ทองคำ, ย่างกุ้ง เริ่มต้นบนเส้นทางแห่งขุนเขาตะนาวศรีมุ่งสู่ทวายอดีตเมืองหน้าด่านที่สำคัญของสยามและพม่า ก่อนท่องไปในรัฐมอญบนถนนสาย 8 ผ่านเมืองเย ตันบูซายัด และมะละแหม่ง, เมืองหลวงของรัฐมอญแห่งปากแม่น้ำสาละวิน จากนั้นนำท่านสู่ยอดเขาเปาเลาเพื่อนมัสการพระธาตุอินแขวน ‘อัศจรรย์แห่งสมดุล’ ที่หมิ่นเหม่อยู่บนหน้าผาสูงชันก่อนเข้าสู่อดีตราชธานีอันยิ่งใหญ่ของชาวมอญ ณ เมืองหงสาวดีและร่วมนมัสการมหาเจดีย์ทองคำแห่งเมืองตะเกิงหรือย่างกุ้ง ก่อนท่องไปในเมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ณ พะอัน และกลับออกทางด่านเมียวดี – แม่สอด อิ่มบุญ พูนสุข ไปในดินแดนสุวรรณภูมิก่อนทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา...

ดาวน์โหลดโปรแกรมทัวร์ คลิก..

โปรแกรมการเดินทาง
วันแรก ด่านพุน้ำร้อน – ทวาย – ไหว้พระชมเมือง – หาดมอมะกัน
08.00 น. คณะพร้อมกันที่ ด่านบ้านพุน้ำร้อน อ.เมือง จ. กาญจนบุรี หลังจากตรวจเอกสารผ่านแดนแล้ว นำท่านขึ้นรถตู้ท้องถิ่นกว้างขวาง นั่งสบาย เดินทางสู่เมืองทวาย เมืองหลวงของเขตตะนาวศรี (Tanintharyi Division) ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจที่สำคัญอีกแห่งในอนาคต นั่งรถเลาะเลียบไปตามแม่น้ำตะนาวศรี หรือ “ตะหนิ่นตะยี” ในภาษาพม่า ซึ่งมีสายแร่ทองคำ และจะเห็นชาวบ้านร่อนทองกันอยู่ในน้ำ ผ่านหมู่บ้านชาวกะเหรี่ยง เขาช้างร้อง สะพานร้อยปีซึ่งสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1915 สมัยที่พม่ายังอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ก่อนนำท่านเข้าสู่ หมู่บ้านภูเขาสามลูก หรือ หมู่บ้านต่องโตงโลง เพื่อพักรับประทานอาหารกลางวัน หมู่บ้านแห่งนี้ในอดีตเคยเป็นเหมืองแร่เก่า
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร หลังจากนั้น นำท่านออกเดินทางต่อสู่เมืองทวาย
บ่าย เดินทางถึงเมืองทวายหรือที่ชาวท้องถิ่นออกเสียงว่า ‘ทะแว’ หรือ ‘ดะแว’ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ อยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า ก่อนเข้าสู่เมืองทวายนำท่านแวะชม อนุสาวรีย์นายพลอูอ่องซาน สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงนายพล อ่องซาน ซึ่งเป็นวีระบุรุษและผู้นำในการเรียกร้องเอกราชของพม่า จากนั้นนำท่านเช็คอินที่ โรงแรม Golden Guest Hotel หรือเทียบเท่า ซึ่งเป็นโรงแรมใหม่และตั้งอยู่ใจกลางเมืองทวาย
15.00 น. นำท่านชมและนมัสการ วัดเจดีย์ชินโมทิพญา ซึ่งเป็นหนึ่งในวัดที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ที่ทำจากปูนผสมกับชิ้นส่วนของไม้ศรีมหาโพธิ์ ต้นที่พระองค์ทรงประทับบำเพ็ญเพียรอยู่จนตรัสรู้ กล่าวกันว่ามี 4 องค์ มีผู้นำมาประดิษฐานบนแพลอยมาจากลังกา องค์หนึ่งลอยมาที่เมืองพะสิม (Pathein) องค์หนึ่งมาติดที่วัดไจท์ปอลอในเมืองไจท์โถ่ (Kyaikhto) องค์หนึ่งมาติดที่วัดไจท์คา มิ ณ เมืองตันบูซายัด (Thanbyuzayat) และอีกองค์หนึ่งลอยน้ำมาถึงเมืองทวายและแม่ชีสูงอายุ ผู้หนึ่งได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่วัดแห่งนี้ และถือว่าเป็นวัดที่เก่าแก่อีกแห่งในเมืองทวาย จากนั้นนำท่านไปกราบไหว้ขอพร ‘เทพทันใจ’ หรือ ‘นัตโบโบจี’ ซึ่งชาวพม่าและชาวมอญเชื่อว่า อธิษฐานขอสิ่งใดแล้วจะสมปรารถนาทันใจ ณ วัดพระนอนชเวธาลยัง ดอมู (Shwethalyaung Daw Mu) ซึ่งเป็นวัดที่ประดิษฐานพระนอน โลกะตระภู มีความยาว 74 เมตร สูง 21 เมตร และเป็นองค์พระนอนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศพม่า
16.00 น. นำท่านเดินทางต่อไป หาดมอมะกัน ซึ่งเป็นชายหาดที่ขึ้นชื่อของพม่าตอนใต้อีกแห่งหนึ่ง หาดมอมะกันมีความยาวประมาณ 8 กิโลเมตรมีต้นสนขึ้นเรียงรายเหมือนแต้มแต่งชายหาดให้งดงามมากยิ่งขึ้น ในสมัยยุคอาณานิคมอังกฤษหาดมอมะกันเป็นสถานที่พักตากอากาศที่ขึ้นชื่อของพม่า ให้ท่านพักผ่อนอิสระ และเก็บภาพบรรยากาศของชายหาดทะเลอันดามันฝั่งประเทศเมียนมาอันแสนประทับใจ
18.30 น. นำท่านชมและสักการะ พระเจดีย์ชเวตองจา (Shwe Taung Sar Zedi) ซึ่งมีองค์พระเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองทวายภายในพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปโลกะมารชินปางมารวิชัย อายุ141 ปีในช่วงปีพ.ศ. 2417 มีกลุ่มผู้เผยแผ่ศาสนาชาวทวายเดินทางไปเมืองมัณฑะเลย์เพื่อขอพระราชทานพระพุทธรูปจากพระเจ้ามินดงเพื่อนำมาประดิษฐานที่เมืองทวาย พระเจ้ามินดงจึงพระราชทานพระพุทธรูปทองเหลืองเก่าแก่องค์นี้ให้ วัดนี้ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2304 มีอายุมากกว่า 250 ปี ณ วัดแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์แสดงวัตถุโบราณต่างๆ มากมาย อาทิ หินทะนาคาอายุร้อยปี ปืนใหญ่สมัยกรุงศรีอยุธยา พระพุทธรูปสำลิดศิลปะแบบไทยและดาบสมัยโบราณ เป็นต้น จากนั้นนำท่านกลับเข้าที่พักและพักผ่อนตามอัธยาศัย (พักที่โรงแรม Golden Guest Hotel หรือระดับเดียวกัน)
วันที่สอง ทวาย – เย – ตันบูซายัด – มะละแหม่ง – วัดเณรน้อย – พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟสายมรณะ - สุสานทหารสัมพันธมิตร – ไจท์คามิเหย่แลพญา – วัดพระนอนวินเส่งตอยะ
07.00 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. นำท่านเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางสู่รัฐมอญ รถวิ่งไปบนถนนสาย 8 หรือสายเอเชีย AH112 ผ่านทุ่งนา ภูเขา และแม่น้ำ สัมผัสกับธรรมชาติที่สดชื่นของเช้าวันใหม่บนพื้นที่เขตป่า สงวนตะนาวศรี (The Tanintharyi Nature Reserve) และผ่านแม่น้ำเย (Ye River) ซึ่งมีต้น กำเนิดจากเทือกเขาตะนาวศรีและไหลลงสู่ทะเลอันดามันที่อ่าวเมาะตะมะ
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร
บ่าย นำท่านชมและนมัสการ วัดโกหยิ่นเลพญา (Koyinlay Paya) หรือวัดเณรน้อย ซึ่งเป็นวัดที่ ชาวมอญเคารพศรัทธามากอีกแห่งหนึ่งในรัฐมอญ สร้างโดยหลวงพ่อเณรน้อย พระอาจารย์ชื่อดัง แห่งเมืองเย วัดโกหยิ่นเลพญาแห่งนี้ประดิษฐานพระพุทธรูปสี่ทิศองค์ใหญ่และมีองค์พระพุทธ ไสยาสน์ (Shwethalyaung Buddha) ขนาดใหญ่ประดิษฐานอยู่ใกล้กัน บริเวณเดียวกันนี้ ยังมี องค์พระเจดีย์ทรงปราสาทที่มีความสวยงามโดดเด่นแตกต่างจากเจดีย์พม่าทั่วไปตั้งอยู่ด้วย สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางต่อไปยังเมือง ตันบูซายัด (Thanbyuzayad) ซึ่งเป็นเมืองที่มีเรื่องราวร่องรอยประวัติศาสตร์ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ทางรถไฟ สายมรณะ (Death Railway) ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากแรงงานของกรรมกร และเชลยศึกที่ควบคุม โดยกองทัพญี่ปุ่นระหว่างปี 2485 - 2486 เพื่อเป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมทั้งกำลัง พล จากไทยไปยังพม่า และถูกฝ่ายสัมพันธมิตรทิ้งระเบิดทำลายลงในปี 2488 เชลยศึกกว่า 13,000 คน ที่ถูกเกณฑ์ไปสร้างทางรถไฟความยาว 424 กม. ตลอดระยะเวลา 14 เดือน ต้อง เสียชีวิตลงเพราะทารุณกรรม ขาดอาหารและโรคภัยไข้เจ็บ ผ่านป่าหนาทึบและภูเขาคาดว่ายังมี พลเรือนชาวเอเชียที่ถูกบังคับใช้แรงงานอีกราว 80,000- 100,000 คน เสียชีวิตลงในการก่อสร้าง เส้นทางรถไฟสายนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง สุสานทหารสัมพันธมิตร ที่เสียชีวิตระหว่าง การก่อสร้างทางรถไฟสายมรณะทางฝั่งพม่าซึ่งมีทั้งหมด 3,771 ศพที่ฝังอยู่ในสุสานแห่งนี้ สมควร แก่เวลานำท่านเดินทางต่อไปยัง วัดไจท์คามิ เหย่แลพญา (Kyaikkami Yele Pagoda) ซึ่ง ประดิษฐานพระเจดีย์กลางทะเลถือเป็นเจดีย์ในน้ำแห่งที่สองของพม่า ซึ่งแห่งแรกนั้นอยู่ที่เมือง สิเรียมและมีตำนานเกี่ยวพันกับวัดเจดีย์ชินโมทิพะยาที่เมืองทวาย องค์พระประธานของเจดีย์นั้น ทำจากปูนผสมกับชิ้นส่วนของไม้ศรีมหาโพธิ์ ต้นที่พระองค์ทรงประทับบำเพ็ญเพียรอยู่จนตรัสรู้ กล่าวกันว่ามี 4 องค์ มีผู้นำมาประดิษฐานบนแพลอยมาจากลังกา องค์หนึ่งลอยมาที่ เมืองพะสิม (Pathein) องค์หนึ่งมาที่เมืองไจท์คามิ องค์หนึ่งมาที่ เมืองไจท์โท (Kyaikto) นำท่านไปยังเมือง มูเดิง (Mudon) เพื่อชมและสักการะ องค์พระพุทธไสยาสน์วินเส่งตอยะ (Win Sein Taw Ya) ซึ่งประดิษฐานพระนอนที่ใหญ่ที่สุดใน โลก องค์พระนอนมีความยาว 180 เมตร ความสูงราวตึก 5 ชั้นหรือสูงประมาณ 110 ฟุต ภายใน แบ่งเป็นชั้นๆ ถึง 8 ชั้นแต่ละชั้นมีห้องต่างๆ ที่ประกอบด้วยรูปปูนปั้นแสดงถึงพุทธประวัติ และคำ สอนต่างๆ ในพุทธศาสนาเช่นเรื่องนรกสวรรค์และผลแห่งกรรม จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองมะละแหม่ง
18.00 น. เดินทางถึง เมืองมะละแหม่ง หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า ‘เมาะลำไย’ นำท่านเช็คอินที่ โรงแรม Ngyo Moe Hotel หรือระดับเดียวกัน
19.00 น. บริการอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร หลังรับประทานอาหารนำคณะเข้ากลับสู่ที่พักและพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่สาม ตลาดเซจี – ไจท์ตะลาน – มหามุนี – โบสถ์ St. Patrick’s – สะพานข้ามแม่น้ำสาละวิน - พระธาตุอินแขวน
07.00 น. มิงกะลาบ่ายามเช้า...บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08:00 น. นำท่านไปช้อปปิ้งซื้อของที่ ตลาดเซจี หรือตลาดใหญ่ ของเมืองมะละแหม่ง ซึ่งมีการปรับปรุงตัวอาคารขึ้นมาใหม่ในปี ค.ศ. 2009 หลังจากเกิดไฟไหม้ตลาดครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 2008 ตลาดแห่งนี้เป็นศูนย์กลางค้าขายขนาดใหญ่ของเมืองมะละแหม่งมีทั้งของสดและของแห้งจำหน่ายมากมายให้ท่านอิสระช้อปปิ้งตามอัธยาศัย
09:30 น. จากนั้นนำท่านไปนมัสการ เจดีย์ไจ๊ตาลาน (Kyaikthanlan) ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขาที่ มองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองมะละแหม่งได้ 360 องศาที่สวยงาม เจดีย์แห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1418 เป็นสถานที่บรรจุพระเกศาธาตุและพระทันตธาตุของพระพุทธเจ้า ตามตำนานเล่าว่าเดิม เจดีย์นี้ชื่อ ‘เจดีย์ไจ๊ชานลาน’ แปลว่า ‘เจดีย์สยามพ่าย’ เนื่องมาจากในครั้งที่สยามไปตีพม่า แล้วเกิดท้าทายให้สร้างเจดีย์แข่งกัน พม่าใช้โครงไม้ไผ่หุ้มผ้าขาวหลอกทหารไทยจนทหารไทย พ่ายแพ้ต้องถอยทัพกลับเมืองไทย เจดีย์ที่กองทัพไทยสร้างค้างเอาไว้แค่ครึ่งองค์นั้นต่อมาพม่า ได้กลับมาบูรณะจนเสร็จสมบูรณ์เหมือนในปัจจุบัน จากนั้นนำท่านนมัสการ พระมหามุนี ที่วัด ยาดานา บอน มิ้นท์ หรือที่ชาวมะละแหม่งเรียกว่า ‘วัดเส่งด่ง’ (Sein Don) เพราะเคยเป็นที่ประทับของพระนาง Sein Don Mibaya-gyi หนึ่งในพระมเหสีของพระเจ้ามินดง กษัตริย์พม่าแห่งมัณฑะเลย์ พระนางมีพระราชหฤทัยระลึกถึงพระพุทธรูปมหามุนีที่เมืองมัณฑะเลย์จึงรับสั่งให้สร้างองค์จำลองขึ้นในปี ค.ศ. 1904 ที่วัดแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักกันดีในงานแกะสลักไม้อย่างสวยงามเหมือนพระตำหนักที่เมืองมัณฑะเลย์โดยเฉพาะอาสนบัลลังก์ที่แกะสลักไม้และเครื่องประดับอย่างสวยงาม จากนั้น นำท่านชม โบสถ์ St. Patrick’s ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองมะละแหม่งและเป็นโรงเรียน ที่เจ้าน้อยศุขเกษมเคยมาเล่าเรียนศึกษาก่อนจะพบรักกับสาวแม่ค้าชาวพม่านามมะเมี๊ยะจนเกิด เป็นตำนานรักและจรัล มโนเพชร ก็นำมาแต่งเป็นบทเพลงขับร้องจนโด่งดังไปทั่ว หลังจากนั้นนำ คณะฯ ชมเมืองมะละแหม่ง ผ่านอาคารเก่าแก่สไตล์โคโลเนียล ตลาด และโบสถ์ เป็นต้น
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร
13:00 น. เดินทางออกจากเมืองมะละแหม่งเพื่อนำท่านไปนมัสการพระธาตุอินแขวน ณ เมืองไจท์โถ่ (อำเภอสะเทิม) รถวิ่งไปตามถนนสาย 8 หรือ AH112 ผ่าน สะพานข้ามแม่น้ำสาละวิน หรือที่ เรียกขานกันเป็นภาษาพม่าว่า ‘ตานลวยตะดา’ นับเป็นสะพานข้ามแม่น้ำที่ยาวเป็นอันดับสองรอง จากสะพานข้ามแม่น้ำอิรวดีที่เมืองปะโกกู เขตมักกวย สะพานนี้ได้เชื่อมแผ่นดินเมืองเมาะตะมะกับ มะละแหม่งให้กลายเป็นผืนเดียวกัน และมีทางรถไฟวิ่งขนานไปกับสะพาน ทำให้ชาวพม่าสามารถ เดินทางจากภาคใต้ไปย่างกุ้งสะดวกมากยิ่งขึ้น
15:30 น. เดินทางถึงเมืองไจท์โถ่หรือสะเทิม ก่อนเดินทางสู่ คิมปูนแคมป์ (เชิงเขาไจท์ทีโย) เปลี่ยนขึ้นรถ ท้องถิ่นนำท่านขึ้นสู่พระธาตุอินแขวนบนยอดเขาเปาเลา ชมทัศนียภาพป่าเขา น้ำตก และลำธาร อันสวยงามสองข้างทาง สัมผัสถึงความเย็นซึ่งจะค่อยๆ เย็นขึ้นเรื่อยๆ เดินทางจนเกือบถึง พระธาตุอินแขวน ชมทะเลหมอกแห่งขุนเขา ตื่นตาตื่นใจกับพระธาตุอินแขวนซึ่งอยู่ใกล้ที่พัก ใช้เวลา เดินทางสบายๆ สายลมเย็นนำพาความสดชื่นให้รู้สึกสบายๆ นำท่านนมัสการ พระธาตุอินแขวน ซึ่งเป็นเจดีย์ขนาดเล็กสูง 5.5 เมตร ตั้งอยู่บนก้อนศิลาใหญ่ปิดทองหมิ่นเหม่อยู่บนหน้าผา นับเป็น สิ่งมหัศจรรย์และเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพุทธศาสนิกชนชาวพม่าและเป็นแรงบันดาล ใจของกวีซีไรท์ คุณมาลา คำจันทร์ ที่แต่งวรรณกรรมเรื่อง ‘นิราศเจ้าจันทร์ผมหอม’ นำท่านเช็คอินที่ โรงแรม Kyaikhto Hotel หรือเทียบเท่า
ค่ำ บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหาร หลังจากนั้น เชิญท่านไปนมัสการพระธาตุตามอัธยาศัย ท่านสามารถนั่งสมาธิหรือสวดมนต์ได้ตลอดคืน ถ้าจะนมัสการกลางแจ้งเป็นเวลานานบริเวณ ระเบียงที่ยื่นสู่พระเจดีย์ไจท์ทีโย ควรเตรียมเสื้อกันหนาวหรือกันลมหรือผ้าห่ม ผ้าพันคอ และเบาะ รองนั่งเพราะพื้นที่นั่งมีความเย็นมาก พระเจดีย์องค์นี้เปิดตลอดคืนแต่ประตูเหล็กที่เปิดสำหรับบุรุษ ปิดเวลา 20:00 น.
วันที่สี่ วัดไจท์ปอลอ – หงสาวดี – พระธาตุมุเตา – พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว – ย่างกุ้ง - สุสานสงครามเทาเกียน – พระมหาเจดีย์ชเวดากอง
05.00 น. เชิญท่านนมัสการพระธาตุอินแขวน ใส่บาตรพระสงฆ์ นมัสการพระธาตุอินแขวนและสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนภูเขา ถ่ายรูป และชมทัศนียภาพรอบๆ พระธาตุ
06.00 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม จากนั้นเก็บสัมภาระเพื่อเดินทางลงจากเขาไจท์ทีโย ออกเดินทางสู่วัดไจท์ปอลอ
08:30 น. เดินทางถึง วัดไจท์ปอลอ (Kyaikpawlaw) หรือ ‘พระไฝเลื่อน’ มีประวัติเกี่ยวข้องกับวัดเจดีย์ ชินโมทิพญาที่เมืองทวายและวัดไจท์คามิที่เมืองตันบูซายัด ตามประวัติกล่าว่ามีพระพุทธรูปลอย น้ำมาจากลังกาและมีอายุมากกว่า 2,000 ปี ปิดทององค์พระทั้งองค์ แต่มีจุดหนึ่งตรงหางคิ้ว เหมือนไฝเกิดขึ้น จะปิดทองกี่ครั้งก็ยังเกิดเป็นจุดดำๆ อยู่ตลอดเวลา ทางวัดจึงไม่ได้ปิดทองตรงที่ ตำแหน่งดังกล่าวอีกเลย จึงเรียกพระองค์นี้กันว่า ‘พระไฝเลื่อน’ สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทาง ออกจากเมืองไจท์โถ่ เพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองหงสาวดี (Bago)
10:30 น. เดินทางถึง เมืองหงสาวดี หรือที่คนพม่าเรียกว่า ‘พะโค’ อดีตราชธานีของมอญที่เก่าแก่และยิ่งใหญ่ที่สุด มีอายุมากกว่า 400 ปี นำท่านชมและสักการะ เจดีย์ชเวมอดอว์ หรือ พระธาตุมุเตา ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในหงสาวดีและเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพุทธศาสนิกชนชาวพม่า นอกจากนั้นยังเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของกรุงหงสาวดีมาช้านาน นำท่านสู่จุดอธิษฐานบริเวณที่ยอดเจดีย์หักลงมาคราวเกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี พ.ศ. 2460 ชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่มีพลังและศักดิ์สิทธิ์มาก
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหาร
13:00 น. หลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว นำท่านชมและสักการะ นำท่านชมและสักการะ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดในหงสาวดีและเป็น 1 ใน 5 มหาบูชาสถานสูงสุดของพุทธศาสนิกชนชาวพม่า นอกจากนั้นยังเป็นเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของกรุงหงสาวดีมาช้านาน นำท่านสู่จุดอธิษฐานบริเวณที่ยอดเจดีย์หักลงมาคราวเกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี พ.ศ. 2460 ชาวมอญและชาวพม่าเชื่อกันว่าเป็นจุดที่มีพลังและศักดิ์สิทธิ์มาก สมควรแก่เวลา นำท่านออกเดินทางสู่ย่างกุ้ง
15:00 น. นำท่านชม สุสานเทาเกียน (Taukkyan War Cemetery หรือ Htauk Kyant War Memorial Cemetery) ซึ่งเป็นอนุสรณ์สถานและสุสานของทหารผ่านศึก สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง ทหารฝ่ายเครือจักรภพอังกฤษที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 กว่า 27,000 นาย ซึ่ง จำนวนไม่น้อยเป็นทหารอินเดียและทหารแอฟริกัน โดยในบริเวณอนุสรณ์สถาน เป็นหลุมศพของ ทหาร แบ่งเป็นทหารที่เสียชีวิตในสงครามครั้งที่ 1 จำนวน 52 นาย และสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 จำนวน 6,374 นาย ระบุตัวตนไม่ได้ จำนวน 867 นาย และมีการสลักชื่อทหารกว่า 27,000 นาย ที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่พม่า จากนั้น นำท่านเดินทางเข้าสู่ นครย่างกุ้ง อดีตเมือง หลวงเก่าของพม่าที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในปัจจุบันนี้
18:00 น. นมัสการ เจดีย์ชเวดากอง พระมหาเจดีย์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศพม่า อายุสองพันห้าร้อยกว่าปี และเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดของประเทศพม่า สร้างโดยพระเจ้าโอกะลาปะ เมื่อกว่า 2,000 ปีก่อน มหาเจดีย์ชเวดากองมีทองคำโอบหุ้มอยู่เป็นน้ำหนักถึง 1,100 กิโลกรัม ยอดฉัตรประดับด้วยเพชร พลอยอัญมณีล้ำค่ากว่า 5,548 เม็ด รวมทับทิมขนาดเท่าไข่ไก่ กล่าวกันว่าทองคำที่ใช้ในการ ก่อสร้างและซ่อมแซมพระมหาเจดีย์องค์นี้มีจำนวนมหาศาลกว่าทองคำที่เก็บอยู่ในธนาคาร แห่งชาติอังกฤษเสียอีกและนับเป็นมหาเจดีย์ที่งดงามมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งของโลก จากนั้นให้ ท่านชมแสงของอัญมณีที่ประดับบนยอดฉัตรโดยจุดชมแต่ละจุดท่านจะได้เห็นแสงสีต่างกัน ออกไปเช่น สีเหลือง สีน้ำเงิน สีส้ม และสีแดง เป็นต้น
ค่ำ บริการอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร นำท่านกลับเข้าที่พัก โรงแรม Clover Hotel และพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่ห้า ย่างกุ้ง – เจดีย์โบตะทาวน์ – เทพทันใจ – เทพกระซิบ – ตลาดสก็อต - วัดพระนอนตาหวาน – เจดีย์กาบาเอ้ – วัดพระหินอ่อน – ปางช้างเผือก
07.00 น. มิงกะลาบ่ายามเช้า...บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08:00 น. นำท่านนมัสการ พระเจดีย์โบตะทาวน์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรับพระเกศาธาตุก่อนที่นำไปบรรจุในพระเจดีย์ชเวดากอง เมื่อพระเกศาธาตุได้ ถูกอัญเชิญขึ้นจากเรือ ได้นำมาประดิษฐานไว้ที่พระเจดีย์โบตะทาวน์แห่งนี้ก่อนพระเจดีย์แห่งนี้ได้ถูกทำลายในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้รับการปฏิสังขรณ์ขึ้นมาใหม่ โดยมีความแตกต่างกับพระเจดีย์ทั่วไปคือ ออกแบบให้ใต้ฐานพระเจดีย์มีโครงสร้างโปร่งให้คนเดินเข้าไปภายในได้ โดยอัญเชิญพระบรมธาตุไว้ในผอบทองคำให้ผู้คนได้เข้ามากราบไหว้มองเห็นได้ชัดเจน ส่วนผนังใต้ฐานเจดีย์ ได้นำทองคำและของมีค่าต่าง ๆ ที่มีพุทธศาสนิกชนชาวพม่านำมาถวายแก่องค์พระเจดีย์ มาจัดแสดงไว้ จากนั้นนำท่านสักการะขอพรจาก “เทพทันใจ” (นัตโบโบยี) ซึ่งชาวพม่าให้ความเคารพอย่างมากและนิยมมาขอพรด้วยเชื่อว่าอธิฐานสิ่งใดจะสมความปรารถนา และสักการะ เทพกระซิบ หรือ เมี๊ยะนานหน่วย เพื่อหนุนดวงโชคลาภ มหาโภคทรัพย์ สมควรแก่เวลา นำท่านช้อปปิ้งที่ ตลาดสก็อต ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของพม่า มีสินค้าของที่ระลึกมากมาย อาทิ อัญมณี ทับทิม ไพลิน หยก ไข่มุก เครื่องเงิน เครื่องหวาย งานฝีมือ เช่น ผ้าปูโต๊ะ และผ้าโสร่ง เป็นต้น
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร หลังอาหาร นำท่านนมัสการ พระพุทธไสยาสน์เจ๊าทัตจี หรือ พระนอนตาหวาน ซึ่งเป็นพระนอนที่มีความสวยงามที่สุดของประเทศพม่า จากนั้นนำท่านนมัสการ เจดีย์กาบาเอ้ เป็นเจดีย์ทรงกลม ซึ่งมีทางเข้าทั้งหมดห้าด้าน ที่นายอูนุนายกคนแรกของพม่า สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่ชำระพระไตรปิฎก เป็นที่แปลกตาอีกแห่งหนึ่ง และมีความสวยงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะด้านใน คำว่ากาบาเอ ในภาษาพม่า หมายถึง โลกแห่งสันติสุข สร้างขึ้นในปี 1952 เจดีย์แห่งนี้เป็นที่รำลึกถึงการประชุมประสภาสงฆ์ระดับโลก ครั้งที่ 6 เพื่อให้บังเกิดสันติสุขแก่ชาวโลกของพุทธศาสนา ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในปี 1954 จากนั้นนำท่านนมัสการ พระหินอ่อน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศพม่าที่ วัดเจ๊าตอจี และนำท่านชม ช้างเผือก ที่ปางช้างเผือก ซึ่งถือว่าเป็นช้างที่หาชมได้ยากที่สุดในเอเชีย ซึ่งคนพม่าเองต่างนิยมมาชมช้างเผือกกันอย่างมากมาย
เย็น บริการอาหารเย็น ณ ห้องอาหาร หลังอาหาร นำท่านกลับเข้าที่และพักผ่อนตามอัธยาศัย
วันที่หก ย่างกุ้ง – หงสาวดี – วัดพระนอนยิ้มหวาน - พระราชวังบุเรงนอง – พะอาน
07.00 น. มิงกะลาบ่ายามเช้า...บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08:00 น. นำท่านเดินทางออกจากย่างกุ้งสู่ เมืองหงสาวดีหรือพะโค หลังจากเดินทางถึงเมืองหงสาวดี นำท่านนมัสการ พระพุทธไสยาสน์ชเวตาเลียว หรือพระนอนยิ้มหวาน กราบพระพุทธรูปนอนที่มีพุทธลักษณะงดงามในแบบของมอญ จัดเป็นพระนอนที่งามอีกแห่งหนึ่งของประเทศพม่า
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารในเมืองหงสาวดี
บ่าย นำท่านเข้าชม พระราชวังบุเรงนอง สถานที่ซึ่งมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของไทย คือ บริเวณที่เคยเป็นพระราชวังของพระเจ้าบุเรงนอง สร้างขึ้นในปี พ.ศ 2109 แต่ได้ถูกทำลายด้วยฝีมือของพวกยะไข่กับตองอูในสมัยพระเจ้านันนทบุเรงในปี พ.ศ. 2142 จากซากปรักหักพังที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าโบราณสถานแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระเจ้าบุเรงนอง ท่านผู้ที่ได้รับคำสรรเสริญว่าเป็น ผู้ชนะสิบทิศ และเป็นที่ประทับของ พระนางสุพรรณกัลยา และ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งต้องตกเป็นเชลยศึกเมื่อต้องเสียกรุงศรีอยุธยาให้แก่พม่า แต่ปัจจุบัน พระราชวังแห่งนี้เหลือเพียงแต่ร่องรอยทางประวัติศาสตร์และถูกสร้างจำลองพระราชวังและตำหนักต่างๆ ขึ้นมาใหม่โดยอ้างอิงจากพงศาวดารเท่านั้น สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางออกจากเมืองหงสาวดีเพื่อเดินทางไปเมืองพะอันต่อไป
18:00 น. เดินทางถึงเมือง พะอัน (Hpa-An) เมืองหลวงของรัฐกะเหรี่ยง ล้อมรอบไปด้วยเขาหินปูน สูง สลับซับซ้อน มีความงดงามที่หลากหลายทั้งธรรมชาติและอารยธรรมที่เก่าแก่ นำท่านเช็คอินที่ โรงแรม Thiri Hpa An Hotel ซึ่งเป็นโรงแรมใหม่ของเมืองพะอัน
เย็น บริการอาหารมื้อค่ำ ณ ห้องอาหาร หลังอาหารให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยท่ามกลางภูเขาที่เขียวครึ้ม
วันที่เจ็ด พะอัน – เจดีย์จ๊อกกะแล็ต – เมียวดี – แม่สอด
07.00 น. บริการอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
08.00 น. นำท่านเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรมเพื่อเดินทางกลับสู่แม่สอด ก่อนออกจากเมืองพะอัน นำท่านชม เจดีย์จ๊อกกะแล็ต (Kyauk Kalat) ที่มีชื่อเสียงที่สุดของพะอัน ตั้งอยู่บนเขาแหลมเหมือน เขาตะปูของไทย โดดเด่นอยู่บนเกาะกลางน้ำ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษาพระธรรม จากนั้นนำ ท่านเดินทางกลับสู่เมียวดี – แม่สอด (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง)
เที่ยง บริการอาหารกลางวัน ณ ร้านอหาร จากนั้นนำท่านผ่านพิธีการผ่านแดนออกจากพม่า เข้าสู่ประเทศไทย ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง นำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ประเทศไทยโดยสวัสดิภาพและประทับใจ



รายการท่องเที่ยวนี้อาจเปลี่ยนแปลง หรือสลับสับเปลี่ยนกันได้ตามความเหมาะสม โดยอยู่ในดุลยพินิจของหัวหน้าทัวร์และผู้ประสานงานท้องถิ่นในครั้งนั้น ๆ โดยจะยึดถือประโยชน์ของท่านเป็นสำคัญ และขึ้นอยู่กับสภาพการณ์ปัจจุบัน



สอบถามรายละเอียด..คลิก

รู้จักพม่าตอนใต้
พม่าตอนใต้ (Southern Myanmar) แหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่ยังสงบ สะอาด บริสุทธิ์ และสะดุดตา อยู่ใกล้ชิดติดชายแดนไทยด้านทิศตะวันตก ประกอบไปด้วย รัฐมอญ (Mon State) รัฐกะเหรี่ยง (Karen State) และเขตตะนาวศรี (Tanintraryi Division) เมืองเหล่านี้รุ่มรวยไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทั้งทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรม จากดินแดนหุบเขาแห่งรัฐกะเหรี่ยงลัดเลาะผ่านแม่น้ำสาละวินถึงรัฐมอญ และทอดยาวสู่ขุนเขาตะนาวศรีไปจนถึงหมู่เกาะมะริด 800 เกาะ ด้วยพื้นที่ประมาณ 86,000 ตารางกิโลเมตร ติดชายฝั่งทะเลอันดามัน 320 กิโลเมตรและประชากรราว 5,000,000 คน พม่าตอนใต้จึงเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่นักท่องเที่ยวและนักสำรวจมิอาจมองข้ามไปได้ อ่านต่อ >>>